เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

Corporate Training
หลักสูตรฝึกอบรมด้านภาษาอังกฤษสำหรับองค์กร บริษัท และหน่วยงานภาครัฐ

1.หลักสูตรอบรม (Course Title): 
เก่งอังกฤษได้ ไม่ต้องจ่าย (แพง) ฉบับองค์กร

คำบรรยาย (Description): สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาอังกฤษ พร้อมเคล็ด (ไม่) ลับฉบับประหยัดโดยพี่นุ้ย English breakfast

มุ่งเน้น (Areas of Emphasis): 
1. การสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาอังกฤษ (inspirational motivation)
2. ทักษะเบื้องต้นด้านไวยากรณ์และการออกเสียง (foundation of English grammar and pronunciation)
3. ปัญหา สำนวน และความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อยในภาษาอังกฤษ (common misunderstanding in English)
4. เทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง (tips and tricks for learning by yourself)

ระยะเวลา (Duration):
3-5 ชั่วโมง

2. หลักสูตรอบรม (Course Title): 
English Writing Workshop การเขียนภาษาอังกฤษเชิงปฏิบัติการ

คำบรรยาย (Description): ฝึกทักษะการเขียนและนำเสนองานเป็นภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องและมีศิลปะผ่านการฝึกปฏิบัติ โดยมีการวัดพื้นฐานความรู้ภาษาอังกฤษเพื่อประเมินศักยภาพของผู้เรียนก่อนเข้ารับการอบรม

มุ่งเน้น (Areas of Emphasis): 
1. ทบทวนพื้นฐานไวยากรณ์และโครงสร้าง (grammar and structure review)
2. การวางโครงสร้างและระดมสมอง (brainstorming practice)
3. การแนะนำและแก้ไขข้อเขียนเป็นรายบุคคล (individual orientation and guidance)
4. การเขียนอย่างมีวาทศิลป์และศิลปะการโน้มน้าว  (rhetorical communication) 

ระยะเวลา (Duration): 10 ชั่วโมง

3. หลักสูตรอบรม (Course Title): 
เทคนิคพิชิตข้อสอบสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา

คำบรรยาย (Description): เน้นเทคนิคสำหรับทำข้อสอบ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย) สำหรับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษา โดยการใช้เทคนิคกลอนแปด Grammar (เช่นเดียวกับในหนังสือพิชิต Grammar ตัวแม่) กลยุทธ์ในการจำศัพท์ และการเดาข้อสอบ Structure

มุ่งเน้น (Areas of Emphasis): 
1. ข้อสอบส่วนการสนทนาและสำนวน (conversation and idioms)
2. ไวยากรณ์ทั้งในส่วน structure และ error identification (grammar)
3. การจดจำศัพท์ (vocabulary memorization techniques)
4. การอ่านและการใช้คำสันธาน (reading and conjunctions) 

ระยะเวลา (Duration): 2-5 ชั่วโมง

4. หลักสูตรอบรม (Course Title): 
ภาษาอังกฤษสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาล

คำบรรยาย (Description): เมื่อประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน บุคลาการทางการแพทย์จึงจำเป็นจะต้องมีทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อติดต่อสื่อสารกับผู้รับบริการและสื่อสารในสายอาชีพ การบรรยายจะเน้นสำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้ได้ในสถานการณ์จริงผ่านการสอนประกอบวีดีโอตัวอย่าง รวมถึงให้ความรู้พื้นฐานเพื่อผู้อบรมจะนำไปศึกษาต่อยอดได้ด้วยตัวเองต่อไป 

มุ่งเน้น (Areas of Emphasis): 
1.ประโยคพื้นฐานที่บุคลาการทางการแพทย์ใช้สื่อสารกับผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย โดยเริ่มต้นจากการลงทะเบียน การนัดหมาย ไปจนถึงการตรวจและรายงานความก้าวหน้าของผู้ป่วย
2. ไวยากรณ์และรูปประโยคพื้นฐานที่ใช้บ่อยในบริบททางสาธารณสุข งานวิชาการและในสำนักงาน
3. การออกเสียง (stress and intonation)

หลักสูตรอบรมอื่นๆ (Other Courses):หลักสูตรสำหรับองค์กร ผู้บริหารระดับกลาง
การจัดการความรู้ (knowledge management) และองค์กรแห่งการเรียนรู้ (learning organizations)

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

credit ภาพจากหนังสือ just ask พี่นุ้ย ไขปัญหาภาษาอังกฤษกวนใจ


ประวัติพี่นุ้ย สมิตา หมวดทอง 
อาชีพปัจจุบัน
-อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ Nui-English นนทบุรี (ปากซอยเรวดี 45 และเลี่ยงเมืองนนท์)
-พิธีกรรายการ English Breakfast ช่วง Just Ask ช่อง Thai PBS
-พิธีกรรายการธรรมะอารมณ์ดี ช่อง WBTV วัดยานนาวา
-ผู้ดำเนินรายการภาษาอังกฤษกับนุ้ยอิงลิช FM.96.75 และ 104.25 Mhz
(สถานีวิทยุวัดปัญญานันทาราม) 
-ผู้เขียนคอลัมน์ Teacher’s Corner นิตยสาร I Get English
-ผู้เขียนคอลัมน์ Just Ask @ Thai Oil  นิตยสารอัคนีบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

การศึกษา 
– สำเร็จการศึกษาปริญญาเอก สาขา Development Management (การบริหารการพัฒนาหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ภายใต้อาจารย์ที่ปรึกษา ศ.ดร. สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และได้รับทุนสนับสนุนการทำวิทยานิพนธ์จากเงินงบประมาณแผ่นดิน ชื่อวิทยานิพนธ์: An Empirical Analysis of Leadership, Job Satisfaction and Organizational Commitment: a Study of Community Hospitals in Central Thailand 
-นักเรียนทุน ก.พ. ปริญญาโทสาขา Speech Communication จาก Portland State University สหรัฐอเมริกา
-ปริญญาโทสาขากฎหมายระหว่างประเทศ จาก University of Durham ประเทศอังกฤษ ได้รับทุนสนับสนุนจากบริษัทเชลล์และรัฐบาลอังกฤษ
-ได้รับทุน Hungarian Scholarship ไปศึกษาหลักสูตรระยะสั้นวิชาเศรษฐศาสตร์ ณ ประเทศฮังการี
-อักษรศาสตรบัณฑิต เอกภาษาอังกฤษ เกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬาฯ (3 ปีครึ่ง) 
-เศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
-สอบเข้ามหาวิทยาลัยขณะจบชั้น ม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เกรดเฉลี่ย 3.94
– สอบได้อันดับที่ 2 ของประเทศในการแข่งขันพรี ม.ต้น จัดโดยชมรมบัณฑิตแนะแนวขณะศึกษาชั้น ม.3 โรงเรียนสาธิต มศว.ปทุมวัน

ผลงานหนังสือ 
– ไขปัญหาภาษาอังกฤษกวนใจ Just Ask พี่นุ้ย!  สนพ. ซีเอ็ดส์
– เคล็ดวิชาคว้าทุน สนพ. สถาพร
-ศัพท์ 1 ล้านผ่าน 1 คลิก สนพ. ฟีลกู้ด
-บรรณาธิการภาษาอังกฤษหนังสือชุดภารกิจฮาล่าข้ามโลก สนพ. The Book Wave

ประสบการณ์และกิจกรรม
-วิทยากรในสถาบันการศึกษาต่างๆ 
-ล่ามในการจัดประชุมระหว่างประเทศ
-ผู้เขียนบทความ “เขาพระวิหารผ่านมุมมองระหว่างประเทศ”,“เขาพระวิหาร ผ่านมุมมองกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีการระงับข้อพิพาท”และ“ความสงบไม่ใช่สิ่งดีเสมอไป”  ในหนังสือพิมพ์
มติชนฉบับวันที่ 2 กรกฎาคม 2551, 5 สิงหาคม 2551 และ 25 พฤษภาคม 2553
-ข้าราชการผู้มีสัมฤทธิ์ผลสูงรุ่นที่ 3 (HiPPs) ขณะรับราชการที่สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ
-ล่ามอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในงานเยี่ยมคารวะ ขณะรับราชการที่สำนัก
ความสัมพันธ์ต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ
-นักศึกษาฝึกงานในโครงการธนาคารคู่บ้านคู่เมือง รุ่น 44 (SIP 44) และนักลงทุนรุ่นใหม่ รุ่นที่ 3 (NIP 3)
-ผู้เข้าอบรมโครงการ Singing Voice Project# 5 โดย GMM Grammy
-หัวหน้าแผนกต่างประเทศ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
-หัวหน้าฝ่ายข้อมูล ติดตาม ประเมินผล ในงานจุฬาวิชาการ ส่วนงานศาลาพระเกี้ย

รู้จักพี่นุ้ย English Breakfast

สำหรับน้องๆหรือคุณพ่อคุณแม่ที่ถามถึงประวัติพี่นุ้ยก็ตามด้านล่างค่ะ

ประวัติ ดร.พี่นุ้ย English Breakfast (สมิตา หมวดทอง )
เกิด     16 เมษายน 2526 
อาชีพปัจจุบัน
-อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ Nui-English นนทบุรี (ปากซอยเรวดี 45 และเลี่ยงเมืองนนท์)
-พิธีกรรายการ English Breakfast ช่วง Just Ask ช่อง Thai PBS
-ผู้ดำเนินรายการภาษาอังกฤษกับนุ้ยอิงลิช FM.96.75 
-ผู้เขียนคอลัมน์ Teacher’s Corner และ แฉเรื่องฮาภาษาอังกฤษ นิตยสาร I Get English
-ผู้เขียนคอลัมน์ Just Ask @ Thai Oil นิตยสารอัคนีบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
-ผู้ดำเนินรายการภาษาอังกฤษ Top English FM 102 จ-ศ 22.30 น.

การศึกษา 
– สำเร็จการศึกษาปริญญาเอก สาขา Development Management (การบริหารการพัฒนาหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ภายใต้อาจารย์ที่ปรึกษา ศ.ดร. สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และได้รับทุนสนับสนุนการทำวิทยานิพนธ์จากเงินงบประมาณแผ่นดิน ชื่อวิทยานิพนธ์: An Empirical Analysis of Leadership, Job Satisfaction and Organizational Commitment: a Study of Community Hospitals in Central Thailand
-นักเรียนทุน ก.พ. ปริญญาโทสาขา Speech Communication จาก Portland State University สหรัฐอเมริกา
-ปริญญาโทสาขา International Boundaries จาก University of Durham ประเทศอังกฤษ ได้รับทุนสนับสนุนจาก บริษัทเชลล์และรัฐบาลอังกฤษ
-ได้รับทุน Hungarian Scholarship ไปศึกษาหลักสูตรระยะสั้นวิชาเศรษฐศาสตร์ ณ ประเทศฮังการี
-อักษรศาสตรบัณฑิต เอกภาษาอังกฤษ เกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬาฯ (3 ปีครึ่ง) 
-เศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
-สอบเข้ามหาวิทยาลัยขณะจบชั้น ม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เกรดเฉลี่ย 3.94
– สอบได้อันดับที่ 2 ของประเทศในการแข่งขันพรี ม.ต้น 
จัดโดยชมรมบัณฑิตแนะแนวขณะศึกษาชั้น ม.3 โรงเรียนสาธิต มศว.ปทุมวัน

ผลงานหนังสือ 
– ไขปัญหาภาษาอังกฤษกวนใจ Just Ask พี่นุ้ย!  สนพ. ซีเอ็ดส์
– เคล็ดวิชาคว้าทุน สนพ. สถาพร
-ศัพท์ 1 ล้านผ่าน 1 คลิก สนพ. Feel Good
-เก่งอังกฤษได้ ไม่เห็นต้องจ่ายแพง สนพ. Happy Books
-พิชิต Grammar ตัวแม่ สนพ. Think Beyond
-บินเดี่ยว เรียนเที่ยวเมืองนอก สนพ. คิดดี
-บรรณาธิการภาษาอังกฤษหนังสือชุดภารกิจฮาล่าข้ามโลก สนพ. The Book Wave

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

credit ภาพจากหนังสือ just ask พี่นุ้ย ไขปัญหาภาษาอังกฤษกวนใจ

ประสบการณ์และกิจกรรม 
-วิทยากรในสถาบันการศึกษาต่างๆ 
-ล่ามในการจัดประชุมระหว่างประเทศ
-ผู้เขียนบทความ “เขาพระวิหารผ่านมุมมองระหว่างประเทศ”,“เขาพระวิหาร ผ่านมุมมองกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีการระงับข้อพิพาท”และ“ความสงบไม่ใช่สิ่งดีเสมอไป”  ในหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 2 กรกฎาคม 2551, 5 สิงหาคม 2551 และ 25 พฤษภาคม 2553
-ข้าราชการผู้มีสัมฤทธิ์ผลสูงรุ่นที่ 3 (HiPPs) ขณะรับราชการที่สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ
-ล่ามอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในงานเยี่ยมคารวะ ขณะรับราชการที่สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ
-นักศึกษาฝึกงานในโครงการธนาคารคู่บ้านคู่เมือง รุ่น 44 (SIP 44) และนักลงทุนรุ่นใหม่ รุ่นที่ 3 (NIP 3)
-ผู้เข้าอบรมโครงการ Singing Voice Project# 5 โดย GMM Grammy
-หัวหน้าแผนกต่างประเทศ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
-หัวหน้าฝ่ายข้อมูล ติดตาม ประเมินผล ในงานจุฬาวิชาการ ส่วนงานศาลาพระเกี้ยว

ติดต่อ: www.nuienglish.com และ nuienglish@hotmail.com 

พี่นุ้ยสอนภาษาอังกฤษ farther further

พี่นุ้ยสอนภาษาอังกฤษด้วยการแปลเพลงฮิตติดชาร์จเป็นภาษาอังกฤษ
เพลงคนที่ถูกรัก (ตูน บอดี้แสลม)

ส่วนประวัติของพี่เต้ English Breakfast หรือชื่อเต็มๆของพี่ท่านคือ สุผจญ กลิ่นสุวรรณ แห่ง Thai PBS หรือทีวีไทย คลิกตามลิ้งค์ด้านล่างได้เลย (พี่นุ้ยสัมภาษณ์พี่เต้เอง เขียนเองเลยค่ะ)พี่นุ้ยกับพี่เต้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้วค่ะ แต่ด้วยความที่ว่าพี่เต้ อายุมากกว่า (เพราะพี่นุ้ยเรียนเร็วนะ ไม่ใช่เพราะพี่เต้แก่ 555) ทำให้พี่นุ้ยเรียกพี่เต้ว่า “พี่” นับตั้งแต่นั้นมา หลังจากที่มาทำรายการ English Breakfast
จึงกลายเป็นพี่เต้ English Breakfast อย่างที่น้องๆเห็นอยู่นี้ พี่นุ้ยได้เข้ามาทำรายการ English Breakfastตามคำชักชวนของพี่เต้ สุผจญ ซึ่งปัจจุบันเป็นทั้งพิธีกรและครีเอทีฟของรายการค่ะ

รู้จักกับพี่นุ้ย English Breakfast และ Nui-English
รู้จักกับพี่เต้รายการ English Breakfast (สุผจญ กลิ่นสุวรรณ) ใน
ภาพลับและเคล็ด (ไม่) ลับภาษาอังกฤษของพี่เต้

คลิกที่นี่เพื่ออ่านเรื่องอื่นๆ

ดร.พี่นุ้ย English Breakfast

เมื่อพูดถึงประสบการณ์ที่ได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศ  ตอนนั้น(เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว) พี่นุ้ยเรียนจบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ที่จุฬา แล้วก็ได้รับทุนเชลล์ไปเรียนปริญญาโทในสาขา International Boundaries คณะกฎหมายที่ University of Durham ตอนที่สมัครไปยังงงๆ ไม่เคยรู้จักมหาวิทยาลัยนี้มาก่อน แต่เห็นว่ารายละเอียดหลักสูตรน่าสนใจดี มีทุนด้วย ตอนไปขอ recommendation  จากอาจารย์ที่ปรึกษายังบอกอาจารย์ว่า “หนูจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเดอแฮมค่ะ” อาจารย์บอกว่าไม่ใช่นะ ต้องอ่านว่า “เดอแร่ม” พอฟังๆไปถึงรู้ว่ามหาวิทยาลัยนี้มีชื่อเสียง มีคนดังๆหลายคนจบมาจากที่นี่

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

ดร.พี่นุ้ย English Breakfast

หลังจากสัมภาษณ์ก็รอไปหลายเดือน รอจนหมดความหวัง และแล้ววันหนึ่งก็ได้รับอีเมลล์จาก International Office ของ Durham ว่าเราได้ทุน พี่นุ้ยจึงได้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษโดยเดินทางไปกับคุณพ่อคุณแม่ก่อนวันเปิดเรียนสองอาทิตย์

ดร.พี่นุ้ย English Breakfast

ดร.พี่นุ้ย English Breakfast

พอไปถึงตกใจมากๆ สภาพแวดล้อมสวยดี เป็นเมืองโบราณ ชนบท แต่กันดาร ไม่เหมือนกรุงเทพฯ  ห้องพักที่จองก็เป็นห้องเล็กๆ อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ก็ไม่มี จำได้ว่าตอนแรกที่มามีอินเตอร์เน็ตให้ใช้อยู่ที่เดียวคือห้องสมุดสาธารณะ หากไม่นับห้องสมุดของมหาวิทยาลัย 
สรุปว่าไปถึงแล้วค่อนข้างอึ้ง ต้องอยู่กันสามคนในห้องที่แคบมากๆ แถมต้องใช้ห้องน้ำรวมชายหญิงอีกต่างหาก หลังจากที่คุณพ่อกลับเมืองไทย พี่นุ้ยกับแม่เลยเริ่มหาบ้านข้างนอก การใช้ชีวิตในหอพักที่นี่ค่อนข้างน่ากลัวเพราะมีคนข้างห้องเป็นแขกผู้ชาย บางครั้งเดินตามไปห้องน้ำ ห้องครัว มาเคาะประตูตอนกลางคืน ทำให้เราต้องรีบย้ายที่อยู่โดยด่วน 
ในท้ายที่สุดก็ได้บ้านที่ห่างออกไปอยู่ในย่าน Bowburn เป็นบ้านจริงๆมี 2 ชั้น อยู่ในชุมชนที่มีแต่ฝรั่ง เมืองนี้มีคนไทยน้อยมากๆแทบจะนับคนได้ ชีวิตสงบ แต่บางครั้งจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราปวดหัวบ้าง เช่น คืนหนึ่งมีเสียงคนมาทุบกระจกข้างบ้าน เราในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีได้แต่แอบส่องดูผ่านม่าน แล้วก็เลยโทรแจ้งตำรวจ ความเลยปรากฏออกมาว่าเพื่อนบ้านเราติดหนี้คนแถวนี้ไปทั่ว เจ้าหนี้เลยมาพังบ้าน และเราก็ไม่ได้เจอเพื่อนบ้านคนนั้นอีกเลยนับจากวันนั้น 
พี่นุ้ยอยู่ในเมืองเดือนแรมได้เก้าเดือน ก็ขออำลาอาจารย์กลับมาเมืองไทยเพื่อมาทำ dissertation และรับทุน ก.พ. ไปเรียนปริญญาโทอีกหนึ่งใบที่สหรัฐอเมริกา ตอนกลับก็มีเรื่องราวอีก คือ พี่นุ้ยกับแม่ซื้อของเยอะมาก เพราะว่าที่อังกฤษจะมี car booth sale เปิดท้ายขายของ เอาของเก่าๆ เช่นพวกแจกัน เครื่องเงิน มาขายในราคาถูกมากๆ อาจจะเป็นเพราะว่าคนที่นั่นมองไม่เห็นคุณค่าของเก่า ชาวเอเชียและแอฟริกันหลายคนจึงชอบไปเดินงานเปิดท้ายแล้วส่งของกลับไปขายที่ประเทศตัวเอง  สรุปแล้วในกรณีนี้ น้ำหนักกระเป๋าเราเกินกว่าที่อนุญาตไปตั้ง 100 กก. เราก็คิดว่าน่าจะขอเจ้าหน้าที่ผ่อนผันได้ แต่หมดสิทธิ์เพราะที่นั่นเป็นประเทศอังกฤษไม่ใช่เมืองไทย สุดท้ายต้องฝากเพื่อนบ้านญี่ปุ่นที่ไปส่งให้ส่งของกลับมาให้

ดร.พี่นุ้ย English Breakfast

ดร.พี่นุ้ย English Breakfast

 

      การเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษให้ความรู้และประสบการณ์ดีๆหลายอย่าง ทั้งที่เป็นวิชาการและการใช้ชีวิต ขอขอบคุณคุณแม่ที่ไปอยู่ด้วยที่นั่นเก้าเดือนเต็ม 
ตอนนี้พี่นุ้ยจบปริญญาโทอีกใบจากอเมริกาในสาขา speech communication และเปิดสอนภาษาอังกฤษ Nui-English อยู่ในนนทบุรี โดยเน้นกลุ่มนักเรียนที่จะสอบชิงทุนด้วย พี่นุ้ยต้องขอขอบคุณบริษัทเชลล์และรัฐบาลอังกฤษที่ให้ทุนไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท รวมถึง The British Council ที่จัดกิจกรรมให้แก่นักเรียนทั้งที่กำลังจะไปศึกษาต่อและศิษย์เก่า 
ดีใจที่ครั้งหนึ่งเคยได้ไปศึกษาต่อและใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษค่ะ

สมิตา หมวดทอง 
nuienglish@hotmail.com

คลิกที่นี่เพื่ออ่านเรื่องอื่นๆ

ภาพลับและเคล็ด (ไม่) ลับภาษาอังกฤษของพี่เต้  สุผจญ กลิ่นสุวรรณEnglish Breakfast ช่อง Thai PBS
โดย ดร.พี่นุ้ย อิงลิชเบรคฟาส

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

อ.เต้

ความบังเอิญ เป็นเส้นทาง ที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางนักข่าวภาคสนาม และผู้ประกาศในเวลาต่อมา

พี่ๆ ที่อยู่โต๊ะการเมืองลาออกไป พูดจริงๆ คือคนไม่พอ ช่วงนั้นคนที่โต๊ะรายงานสดได้ไม่กี่คน จังหวะนั้นก็เลยตกเป็นของเต้กับ เพื่อนอีก 2-3 คนแบ่งกันรับหน้าเสื่อไป

การทำข่าวตรงนี้ไม่ต่างจากข่าวทั่วไป คือ ค้นหาความจริง แล้วรายงานออกไป นั้นคือสิ่งที่นักข่าวทุกคนต้องคำนึงเพียงแค่นั้น แต่บังเอิญสิ่งที่เต้หาความจริงแล้วรายงานเป็นสิ่งที่คนสนใจ ทำให้จังหวะนี้เป็นบันได ที่ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น
จากบทความ ขอทำเรื่องดีๆให้กับสังคมไทย ในนิตยสาร Positioning

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

“เขา.” คนนี้ไม่ใช่ใคร ก็คือ พี่เต้ สุผจญ กลิ่นสุวรรณ พิธีกรรายการ English Breakfast ทางช่องทีวีไทย พี่เต้เป็นใครมาจากไหนตามพี่นุ้ยไปคุยกับพี่เต้กัน

-แนะนำตัวเองหน่อย
ปัจจุบันพี่เต้เป็นพิธีกรและ creative รายการ English Breakfast ทางช่องทีวีไทย (Thai PBS) เพิ่งย้ายออกจากฝ่ายข่าวมาสู่ฝ่ายสร้างสรรค์รายการ ปัจจุบันพี่เต้แต่งงานแล้วมีลูกชาย 1 คน อายุ 1 ขวบครึ่ง (ตามภาพที่เห็น) พี่เต้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาการปกครอง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รหัส 42) เคยเป็นประธานนิสิตสัมพันธ์ ของสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะศึกษาชั้นปีที่ 4 และเคยเป็นประธานเชียร์คณะ ขณะศึกษาชั้นปีที่ 3

-เข้าสู่วงการนักข่าวและมาทำรายการ English Breakfast ได้อย่างไร
พี่ๆที่ Nation ชวนมาเป็นนักข่าว พี่เต้ย้ายไปอยู่ ITV ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็น TITV และ Thaipbs ซึ่งที่ทีวีไทยนี่เองที่พี่เต้ได้มีโอกาสมาทำรายการภาษาอังกฤษ เพราะพี่เต้เห็นว่าภาษาอังกฤษสามารถเรียนได้ทุกที่ จากข่าว เพลง หนังสือพิมพ์ ผ่านกระบวนการเรียนรู้โดย

อาศัยบริบท (context) ซึ่งพี่เต้หวังว่ารายการ English Breakfast จะเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมให้น้องๆและผู้ที่สนใจรักและเข้าใจภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

-อนาคตอยากทำอะไร
พี่เต้บอกว่าอยากจะมีรายการเป็นของตัวเอง เป็นรายการที่มีประโยชน์ เพื่อสังคม ในความคิดของพี่เต้ สื่อทุกวันนี้จะพยายามตอบคำถามว่า “ทำให้รายการใครดู?” เพราะนั่นหมายถึงค่าสปอนเซอร์และโฆษณา แต่จริงๆแล้วสื่อน่าจะคำนึงถึงสาระและเจตนาที่แท้จริงมากกว่าเรื่องเงิน น้องๆว่าจริงไหมคะ

-ทำไมถึงเก่งภาษาอังกฤษ
พี่เต้เกิดที่เมืองไทย แต่ได้ไปเติบโตที่รัฐ Virginia สหรัฐอเมริกา ตอนตามคุณพ่อซึ่งได้รับทุนการไฟฟ้าไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แล้วก็มาฟื้นฟูความรู้ภาษาอังกฤษอย่างหนักอีกทีตอนเข้าทำงานที่ Nation (แต่ตอนที่เรียนอยู่ พี่นุ้ยก็เห็นพี่เต้เป็นพิธีกรรายการภาษาอังกฤษของจุฬาฯ อยู่หลายครั้ง เรียกว่าฉายแววตั้งแต่สมัยเรียนเลย)

-สอนภาษาอังกฤษน้องๆนุ้ยอิชลิช 3 คำ
พี่เต้สอนคำว่า 1. good governance แปลว่า ธรรมาภิบาล เพราะเป็นสิ่งที่บ้านเมืองนี้ขาดแคลน (พี่นุ้ยเติมให้นะคะว่าธรรมาภิบาล หมายถึงความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ทุจริต ศัพท์คำนี้มักใช้ในทางธุรกิจและการเมือง)
2. sustainable แปลว่ายั่งยืน พึ่งตัวเองได้ (เติมนิดนึงค่ะว่าคำนี้เป็น adj. ต้องวางหน้าคำนามหรืออยู่หลัง verb to be เช่น sustainable development แปลว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือจะใช้ทรัพยากรก็ใช้อย่างพอดี
คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและวัฒนธรรม ไม่ใช่ความก้าวหน้าทางวัตถุเพียงอย่างเดียว ลึกซึ้งจริงๆค่ะ)
3.enough แปลว่าเพียงพอ There is no such thing as enough for some politicians. หมายถึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเพียงพอสำหรับนักการเมืองบางคน (พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ นักการเมืองบางคนไม่เคยพอ)

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับคำตอบจากพี่เต้ในทุกๆคำถามทำให้ได้รู้จักเขามากขึ้นเยอะทีเดียว และสุดท้ายเป็นข้อเขียนของน้องจ๋า (นักเรียน conversation) ถึงพี่เต้

“จ๋ามีโอกาสได้เรียน speaking and listening กับพี่เต้  ตอนแรกก็กลัวๆ กล้าๆ เพราะไม่เคยเรียนผ่านทางโทรศัพท์มาก่อน  แต่พอเริ่มเรียนกับพี่เต้ก็รู้สึกได้เลยว่าพี่เต้ใจดี เริ่มคุยแบบสบายๆ ก่อนให้เรารู้สึกไม่เกร็งมาก     
ในเรื่องความสามารถของพี่เต้ไม่ต้องห่วง พี่เต้พูดภาษาอังกฤษเหมือนคุยกับฝรั่งเลยค่ะ   
วิธีการสอนพี่เต้จะถามก่อนว่าจะเน้นไปในเรื่องไหน  แล้วก็ค่อยหาวิธีการสอนให้เหมาะสมกับเรา  คอยปรับคอยแก้ ทั้งวิธีการคิด วิธีการพูด ให้เป็นภาษาที่ฝรั่งเขาใช้กันอยู่จริงๆ พี่เต้ใจเย็นค่ะ ไม่บ่นสักคำ  เวลาพูดผิดซ้ำเรื่องเดิมๆ แต่จะคอยเปลี่ยนหาวิธีอื่นๆมาสอนให้เราพูดได้ค่ะ ขอบคุณพี่เต้มากค่ะ”

จ๋า 
พิมพรรณ อยู่พูล  นักเรียนทุน ก.พ. ตามความต้องการของกระทรวงพาณิชย์
Master of Computer Science เทอมสุดท้าย  University of San Francisco

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

พี่เต้ English Breakfast ช่อง Thai PBS

รู้จักกับพี่นุ้ย English Breakfast และ Nui-English
คลิกที่นี่เพื่ออ่านเรื่องอื่นๆ

การเรียน writing and translation
กับ ดร.พี่นุ้ย English Breakfast ที่ Nui-English

Writing หรือการเขียนภาษาอังกฤษเป็นปัญหาที่น้องๆหลายคนประสบเมื่อต้องสอบ TOEFL, IELTS เรียนต่อต่างประเทศ และสอบชิงทุนการศึกษา ปัจจุบันข้อสอบนิยมวัดผลโดยการใช้การเขียน writing เพราะการเขียน (writing) สะท้อนให้เห็นถึงความคิด มุมมอง รวมถึงระดับภาษาได้ดีกว่าการทำข้อสอบแบบอื่นๆ พี่นุ้ยจึงอยากนำประสบการณ์การเรียน writing ในต่างประเทศมาแบ่งปันให้แก่น้องๆในคอร์ส writing and translation เรามาลองดูกันดีกว่าว่าในต่างประเทศมีกระบวนการเรียนการสอน writing อย่างไร

ตอนที่พี่นุ้ยไปเรียนปริญญาโท MA. Speech Communication ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีโอกาสลงเรียนคอร์ส academic writing เลยทำให้เห็นถึงวิธีการเรียนการสอนที่แตกต่างกันระหว่างต่างประเทศกับประเทศไทย พี่นุ้ยเคยเรียน writing มาหลายที่แต่ส่วนใหญ่มักจะสอนตามหนังสือเป็นบทๆ ไม่ได้มีโอกาสทำจริง หรือถ้าทำก็มีคนมาตรวจมาให้แล้วบอกมาเลยว่าแก้อย่างไรโดยเราไม่รู้เลยว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เราผิดตรงไหน ผิดเพราะอะไร ได้มาแต่กระดาษหนึ่งแผ่นที่มีวงสีแดงๆมา พอได้ไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา อาจารย์ไม่ได้สอนแบบนั้นเลย แต่กลับให้โอกาสนักเรียนในการฝึกปฏิบัติจริง คลาส writing จึงเป็นชั้นเรียนเล็ก ให้นักเรียนฝึกระดมสมอง แต่ละคนต่างเขียนงานของตัวเองมา แล้วเอาขึ้นบนสไลด์ มาวิจารณ์กันว่าดีไม่ดีอย่างไร ผิดตรงไหน แล้วอ้างอิงถึงหลักไวยากรณ์ ทำให้เราสามารถเข้าใจและใช้ภาษาอังกฤษได้จริงๆ

จากการสอนภาษาอังกฤษที่ Nui-English และประสบการณ์ในการทำรายการ English Breakfast พี่นุ้ยสังเกตได้เลยว่าคนไทยที่เขียนภาษาอังกฤษจะมีข้อผิดพลาดในสองระดับคือ 1, ไวยากรณ์ผิด  2. ไวยากรณ์ถูกแต่ระดับภาษาต่ำไป ไม่สวยงาม แต่ความผิดพวกนี้สามารถแก้ได้ถ้าหากมีครูหรือผู้รู้ชี้แนะว่ามันผิดตรงไหน เพราะอะไร เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าเราผิดตรงไหน เราก็ไม่คิดที่จะแก้ไข เวลาพี่นุ้ยสอน writing จึงพยายามกระตุ้นให้นักเรียนเขียนหรือเอางานเขียนเก่าๆมาให้วิเคราะห์วิจารณ์ และยังสอนหลักการแปลด้วยจะได้เปลี่ยนความคิดของเราที่เป็นภาษาไทยให้กลายเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง นอกเหนือจากการให้ทำข้อสอบเรื่องไวยากรณ์

เรามาลองดูตัวอย่างการแก้ไข writing กัน (ตัวอย่างด้านล่างนี้มาจากการตอบคำถามในรายการ English Breakfast และการแก้ไขบทความภาษาอังกฤษของนักเรียนที่ Nui-English)

I take it nearly the arch. ( ผมตั้งใจให้มีความหมายว่า “ผมวางมันใกล้ซุ้มประตู”) อย่างนี้พี่นุ้ยว่าควรจะเปลี่ยนเป็น I place it near the arch.  เพราะ nearly แปลว่า เกือบจะ  เท่ากับ almost ต้องใช้ near เป็นบุพบท ตรงนี้ต้องเข้าใจเรื่องหน้าที่ของคำด้วยว่าถ้า nearly เป็น adverb ไว้ใช้ขยายกริยา แต่ตรงนี้ต้องการจะบอกสถานที่ต้องใช้บุพบทซึ่งก็คือคำว่า near 
นอกจากนั้น take ควรจะเปลี่ยนเป็น place เพราะ take มักมีความหมายว่าย้ายออกไป เช่น I take an umbrella with me ตรงนี้จึงควรเปลี่ยนเป็น place ที่เป็นกริยาแปลว่า “วาง”และจริงๆน่าจะเปลี่ยน place เป็นช่องที่ 2 คือ placed ด้วยเพราะเรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว
ถ้าจะแก้เพิ่มในแง่โครงสร้าง พี่นุ้ยจะเปลี่ยนประโยคนี้ให้เป็น passive voice หรือประโยคถูกกระทำเพราะประธาน I นั้นไม่สำคัญ เราสนใจตำแหน่งและการวางมากกว่า ตรงนี้น้องๆนักเรียนก็ต้องหันกลับไปดูหลักไวยากรณ์แล้วจะได้ประโยคใหม่เป็น It is placed หรือ was placed near the arch.
I am a forget man. แบบนี้ก็ผิดเพราะประโยคหนึ่งประโยคมีกริยาแท้ได้แค่ตัวถ้าไม่มีคำสันธาน ดังนั้นเราจะเติมคำว่า forget ลงมาไม่ได้ เพราะมีกริยาคือ am อยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนคำว่า forget เป็น forgetful เป็น adjective ไปขยายคำว่า man ซึ่งถ้าแก้ให้ภาษาสวยงามขึ้นจะใช้ว่า I keep on forgetting things.
ความผิดพลาดประเภทต่อมาก็คือการใช้ระดับภาษาต่ำไป เช่นบางคนเขียนว่า 
Young people like the city. ซึ่งก็ถือว่าถูกไวยากรณ์แต่ไม่ประทับใจ ตรงนี้น่าจะเปลี่ยนเป็น Young people tend to have favorable attitudes towards life in the city. แม้ความหมายจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ให้ความรู้สึกในการเขียนภาษาอังกฤษที่ดีกว่าเยอะ
I would like to study abroad. เช่นเคยตรงนี้ถูกไวยากรณ์แต่ไม่ประทับใจ พี่นุ้ยจึงเปลี่ยนเป็น I would like to pursue a master’s degree in a foreign country. หรือ I am encouraged to pursue a master degree in a foreign country.

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

credit ภาพจากหนังสือ just ask พี่นุ้ย ไขปัญหาภาษาอังกฤษกวนใจ

กว่าเราจะพัฒนาให้มีระดับภาษาที่ดีขึ้นมันต้องใช้ระยะเวลาและชั่วโมงบินซึ่งก็ได้มาจากการฝึกฝนและมีผู้รู้คอยแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน writing, academic writing, business writing และการแปล (translation) ก็มาจากหลักการเดียวกันคือต้องรู้หลักไวยากรณ์และใช้ให้เป็น รู้คำศัพท์ที่จำเป็นบ้าง แต่ถ้ารู้มากก็จะใช้ช่วยให้งานเขียนเราดูดีขึ้นมาได้เยอะ การเรียนการเขียนยังมีส่วนช่วยในการสนทนา (conversation) หลายๆคนเคยบอกว่าเราต้องหัดคิดเป็นภาษาอังกฤษ แต่จากประสบการณ์จริง พี่นุ้ยพบว่านักเรียนไทยซึ่งโดยมากใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองจะไม่สามารถคิดเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่เราสามารถพูดและเขียนได้อย่างถูกต้องหากเรามี structure หรือโครงสร้างของภาษาอยู่ในใจ

Writing and Translation

Course Description: The course focuses upon grammatical aspects of English and writing skills with an aim to brush up students’ structural knowledge, to enlarge their repertoire of writing strategies and to enhance an ability to communicate effectively in English. In this regard, the students are expected to share ideas and bring pieces of writing into class discussion

Learning and Teaching Plan

The class will be divided into three phases as follows:
Introduction of Essay Writing, Outline and Organization
The students are going to have a basic idea of what an essay, memo writing and presentation are. The first three classes emphasize theoretical principles of writing and speaking, rather than the application.

Grammatical Points, Syntax and Sentence Variation
Major topics of grammar will be reviewed. Teaching methods include multiple-choice exercises, error check, conversation, essay writing and rewriting.

Writing Samples and Discussion
During this final period, the students will be exposed to writing samples or case studies from various fields, such as communication, business, marketing, as well as general subjects. Class discussion will develop their ability to analyze, revise, edit and proofread for errors. In addition, the students are encouraged to go beyond essay to other forms of writing which include business letters, reports and research, as well as to bring in external resources to back up her arguments.

Note: This tentative outline is applied to both beginner and imediate session. However, methods of instruction and materials might vary depending on the students’ background of knowledge and pre-assessment results.

                                                     Kru Nui  (Samita Muadtong)
Ph.D. Development Management, NIDA (Awarded a Ph.D. Research Scholarship) 
MA. Speech Communication, Portland State University (Awarded a Royal Thai Government Scholarship)
MA. International Boundaries, University of Durham (Awarded a Shell Centenary and Chevening Scholarship)
B.A. English (First-Class Honors), Chulalongkorn University

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

credit ภาพจากหนังสือ just ask พี่นุ้ย ไขปัญหาภาษาอังกฤษกวนใจ


คลิกที่นี่เพื่ออ่านเรื่องอื่นๆ

แนวข้อสอบ GAT อังกฤษ จากเวป gat pat free tutor

วันนี้พี่นุ้ยมีแนวข้อสอบ gat จากเวป gat pat free tutor มาฝากกัน พี่ว่าเวปนี้เขียนแนวข้อสอบได้ตรงที่สุดแล้วค่ะ ต้องขอขอบคุณทางเวปไซดและขออนุญาตนำมาโพสต์ต่อเพื่อเผยแพร่เนื้อหาดีๆให้น้องๆด้วยนะคะ 

การใช้ภาษาอังกฤษ คะแนนสอบ 150 คะแนนเช่นกัน แบ่งออกเป็น 4 หมวด คือ Speaking, Vocabulary, Structure & writing, and Reading หมวดละ 15 ข้อ รวมทั้งหมด 60 ข้อ โดยแต่ละหมวดมีรายละเอียด ดังนี้ คือ 
1. GAT Part One : speaking จะนำบทสนทนามาทดสอบ ถ้าคนหนึ่งพูดอย่างนี้ คู่สนทนาจะตอบอย่างไร นักเรียน จะต้องศึกษา pattern ที่ใช้ในการสนทนาและมีความเข้าใจในคำศัพท์ ตลอดจน keywords จึงจะสามารถตอบถูก หรือคาดการณ์ คําตอบ ได้ทั้งที่ยังไม่ได้มองตัวเลือกที่ให้มา….. การฟัง soundtrack ภาพยนตร์ จะช่วยได้มาก(พี่นุ้ยขอเสริมนิดนึงนะคะว่าข้อสอบในส่วน conversation นี้มักจะเป็น dialogue มีคนพูด 2 คน เน้นสำนวนภาษาอังกฤษ น้องๆควรจะศึกษาสำนวนภาษาอังกฤษที่ขึ้นต้นด้วย preposition ไว้ให้ดีๆเพราะออกบ่อย ตัวอย่างเช่น on and off (ติดๆดับๆมักใช้กับความสัมพันธ์หรือการกระทำที่ทำบ้างไม่ทำบ้าง) down and out (ยากจน) อย่างนี้เป็นต้นค่ะ 

2. GAT Part Two : vocabulary แบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย คือ
2.1 One does not belong : มีอยู่ 5 ข้อ เป็นการศึกษาคำศัพท์ในกลุ่มเดียวกัน และหาคำศัพท์ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มออกมา 
2.2 Analogy : มีอยู่ 5 ข้อ เป็นการเปรียบเทียบความสัมพันธ์คู่ศัพท์ที่ให้มาและใช้ความสัมพันธ์แบบนี้เลือกหาคู่ศัพท์ที่มีความสัมพันธ์ในทำนองเดียวกัน 
2.3 Meaning in context เลือกคำศัพท์ที่ทำให้ประโยคมีความหมายสมบูรณ์ (พี่นุ้ยเติมให้นะคะว่าเหมือนการทำข้อสอบแบบ cloze test ที่นำคำศัพท์มาเติมในช่องว่าง ในตัวเลือกแต่ละข้อก็มีศัพท์อยู่หนึ่งตัวนั่นแหละค่ะ) 
ใน part 2 นี้ นักเรียนต้องมีความรู้คำศัพท์ที่ใช้ใน textbook ระดับ มหาวิทยาลัย อย่างน้อย 1000 คำ (ไม่รู้ไม่ได้) และเราจะช่วยทำให้ mission impossible นี้เป็นจริง 

3. GAT Part Three : structure &writing แบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย คือ
3.1 อ่านและเลือกคำตอบที่ใช้หลักไวยากรณ์ผิด มีอยู่ 5 ข้อ เป็นการทดสอบทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ การท่องกฎไม่สามารถทำคะแนนได้ดี หาคำผิดยากกว่าหาคำถูก เพราะ นักเรียนจะเห็นว่าทุกข้อที่ให้มาถูกหมด (พี่นุ้ยเติมนะคะว่าข้อสอบแบบนี้แหละคือ error check น้องๆต้องรู้หลักไวยากรณ์และสามารถประยุกต์ใช้เพื่อหาข้อที่ผิดให้ได้ ดังนั้นความรู้เรื่อง structure จึงจำเป็นอย่างมากค่ะ) 
3.2 Complete sentences มีอยู่ 5 ข้อ เลือกคำตอบที่ทำให้ประโยคสมบูรณ์ทั้งความหมายและถูกหลักไวยากรณ์ 
3.3 Writing นักเรียนต้องอ่านบทความและเลือกประโยคหรือวลี เติมลงในช่องว่างแต่ละช่อง (ไม่รู้คำศัพท์ ก็จ๋อยแน่..) 

4. GAT Part Four : reading มีอยู่ 15 ข้อ อ่านเนื้อเรื่องที่ให้มา ซึ่งอาจจะเป็น วรรณคดี บทความวิจัย ข่าวหนังสือพิมพ์ บทความโฆษณา หรืออื่นๆ แล้วตอบคำถาม 

ดังนั้น แนวทางการสอนของนุ้ยอิงลิช จึงต้องเน้นคำศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะขอเก็งข้อสอบให้น้องๆพร้อมสอบรอบกรกฎาคมและตุลาคมนี้ด้วยนะคะ และพบกันที่นุ้ยอิงลิช Nui-English 
ส่วนน้องๆคนไหนอยากเรียนภาษาอังกฤษแบบสบายๆมีละครให้ดูกันเพลินๆมีเพลงให้ฟังก็นี่เลยรายการ English Breakfast ทางช่องทีวีไทย หรือ Thai PBS นี่แหละค่ะ

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

credit ภาพจากหนังสือ just ask พี่นุ้ย ไขปัญหาภาษาอังกฤษกวนใจ

คลิกที่นี่เพื่ออ่านเรื่องอื่นๆ

พี่ชวิศ สันติภราภพ (ท๊อป)

Yearning for home..(Life story)

It has been a long way since I decided to further my studies in Singapore.
I thought it was time to move on, the reason why I left my beloved Vajiravudh College.
In retrospect, the decision has indeed left me both delighted and regretful at the same time.
I was delighted because I thought by moving out of my comfort zone, I would be able to explore the world.

พี่ชวิศ สันติภราภพ (ท๊อป)

พี่ชวิศ สันติภราภพ (ท๊อป)

On the other hand, I regretted leaving and was filled with nostalgia whenever I thought of days I spent in VC…
Days which I spent in VC were rather mundane yet memorable…it’s interesting thinking about how I used to live my life in VC. I have to admit I miss that a lot… 
Although I hope I could go back to the past and change many things, I have realised that I could never do that. It’s just wishful thinking on my part…
After all, everyone has to move on, be it for the better or the worse.
Singapore is a dream come true if one ‘loves’ to study. At the same time, Singapore is a nightmare to one who thinks he/she can fool around in a foreign country.
Of course, one will be given more freedom if he/she studies overseas but freedom in Singapore does not come alone, unfortunately.
With freedom, comes great responsibility.(Just like any superhero,huh?)
I find studying in Singapore a great responsibility when I first stepped on this small island for the fear of letting my parents down or so I think…
Many people whom I meet repeatedly tell me I’m lucky to have the chance to study in Singapore, something which they do not have.
I don’t agree totally. I sometimes feel nothing beats being with your own family. Somehow, I just yearn for home comfort, at least for a slightly longer period of time of what I have been getting.
Maybe Singapore is where I gain knowledge and life experiences, whereas Thailand is where I belong. Cheers!!!

พี่ชวิศ สันติภราภพ (ท๊อป)

พี่ชวิศ สันติภราภพ (ท๊อป)

For those interested in studying in Singapore, here’s some useful information.

Studying in Singapore is never easy and is getting more and more difficult. Of that, I’m sure.
As a result, be mentally prepared to put in great deal of efforts.
Also, ‘get rid of yourself’ and be adaptable as soon as possible for you’re going to experience a totally different cultural country. There’re mainly three races in Singapore, namely Chinese, Malay and Indian.
Moreover, remember to consult with your parents whether to take up Chinese as Singapore offers a second language for all its students. If you do want to study Chinese, prepare yourself as early as possible for it’s going to be tough trying to juggle many different subjects and Chinese simultaneously. Otherwise, be prepared to grapple with intensive studies. Subjects include Physics, Chemistry, Mathematics, Additional Mathematics, English, Chinese and Social Studies, Geography and History, etc.
Last but not least, having the right attitude is extremely important or you will end up wasting a lot of money as well as time.

คลิกที่นี่เพื่ออ่านเรื่องอื่นๆ

พี่เจนกับประสบการณ์ศึกษาต่อปริญญาโท

สำหรับพี่เจนการเดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโททางด้าน Marketing ที่มหาวิทยาลัย Kingston, London ประเทศอังกฤษ ในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้พี่เจนได้มีโอกาสไปศึกษาต่อปริญญาโท ทางด้าน International Business ที่มหาวิทยาลัย Monash, Melbounre ประเทศออสเตรเลีย อย่างไรก็ดีความรู้สึกของพี่เจนในการเดินทางไปในครั้งนี้ กลับรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเมืองลอนดอนถือเป็นเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ และเป็นเมืองๆหนึ่งที่หลายคนใฝ่ฝันว่าอยากจะไปสัมผัส พี่เจนมีเวลาเตรียมตัวไม่มากก่อนเดินทาง แต่ก็ไม่ลืมที่จะนำเสื้อหนาวและเสื้อกันฝนไป เพราะได้ยินว่าอากาศในประเทศอังกฤษมักจะฝนตกตลอด วันหนึ่งสามารถตกได้ถึง 8 รอบ และแล้วเมื่อได้มีโอกาสไปเรียนที่นั่นก็พบว่าที่เขากล่าวขานกันนั้นเป็นความจริง เมื่อครั้งที่ออกเดินทางไปถึงสนามบินความรู้สึกตื่นเต้นกลับมลายหายไปสิ้น เมื่อได้พบฝูงชนที่มายืนรอเพื่อจะผ่าน Immigration พี่เจนก็รู้สึกว่า นี่หรือคือสนามบิน Heathrow Airport ไม่เหมือนอย่างที่คิดฝันไว้ สนามบินค่อนข้างเก่า และก็เป็นทางเดินแคบๆไปจนถึงด่าน ทำให้แถวยาวมาก

ในกรุงลอนดอนนี้จะถูกแบ่งออกเป็น Zone ต่างๆ ตามความใกล้ไกลจากใจกลางเมือง อาทิ ในโซน 1 – 2 ถือเป็นเขตในเมือง อาทิถนน High Street Kensington, Hyde Park, Oxford Street หรือ Bond Street ถือเป็นย่านช้อปปิ้งหรูหราและมีคนรวยอาศัยอยู่ ถนนและบ้านเรือนสวยงามมากแลดูเป็นระเบียบ ส่วน Kingston หรือ Wimbledon ถือเป็นย่านที่อยู่ชานเมือง บ้านจะเป็นหลังใหญ่ กว้างขวางเรียบง่ายสงบไม่วุ่นวายได้สัมผัสกับธรรมชาติ ที่อังกฤษนี้มีคนหลายชาติหลายภาษารวมอยู่ในเมืองหลวงเดียวกัน ดังนั้นในย่านต่างๆจะพบคนหลายเชื้อชาติกระจุกตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ ย่าน China Town หรือที่เรียกกันติดปากว่า Soho เป็นย่านที่พบคนเชื้อชาติจีนอยู่เป็นจำนวนมาก ย่าน New Malden ก็จะเป็นย่านที่มีกลุ่มคนเกาหลีอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็น Korea Town ก็ว่าได้ เมืองลอนดอนเป็นเมืองใหญ่ที่มีอยู่ด้วยกันถึง 6 โซน การเดินทางจากโซนหนึ่งไปจนถึงโซน 6 นั้น ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า หรืออย่างเร็วหน่อยก็ 45 นาที  สำเนียงอังกฤษนั้นก็แน่นอนว่าคงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนไทยต้องปรับตัว เพราะภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษได้ขึ้นชื่อว่า เป็นสำเนียงที่ฟังยากที่สุดสำเนียงหนึ่ง แต่อย่างนั้นก็ดี คนที่อยู่ทางเหนือของอังกฤษติดกับสก็อตแลนด์ สำเนียงจะฟังยากมากที่สุด ถึงแม้คนอังกฤษในลอนดอนเองบางครั้งก็มีปัญหาในการสื่อสารกัน

พี่เจนกับประสบการณ์ศึกษาต่อปริญญาโท

พี่เจนกับประสบการณ์ศึกษาต่อปริญญาโท

การเรียนหนังสือที่ Kingston University, Marketing course นั้นถือว่าค่อนข้างยาก เพราะ Kingston University มีชื่อเสียงทางด้าน Marketing Programme ติด Top Rank ในอังกฤษ ที่อังกฤษนี้เขาจะแบ่งเป็น Semester ในปีหนึ่งจะมีทั้งหมด 3 Semester แบบนี้ยิ่งทำให้ช่วงเวลาในการเรียนน้อยลง เพราะเท่ากับว่า Semester หนึ่งครอบคลุมเวลาประมาณ 3 เดือนเท่านั้น ดังนั้นวิชาที่เรียนกับเนื้อหาจะอัดแน่นมาก เทอมแรกของพี่เจนนั้นถือว่าหนักมาก เพราะต้องเรียนทั้งหมดด้วยกันทั้งหมด 7 วิชา พี่เจนคิดว่าแต่ละวิชานี้ยากมาก เทอมที่ 2 ก็เช่นเดียวกัน ส่วนเทอมสุดท้ายก็เหลือเพียงทำ Dissertation โดยเกือบทุกอาทิตย์จะอาจารย์จะให้การบ้านเป็นรายงานและบังคับให้นักเรียนทุกคนออกไป Presentation อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ในตอนเรียนนั้น วิชาที่ทำให้พี่เจนปวดหัวมากที่สุดเห็นจะเป็น Marketing Research คือการเรียนรู้วิธีเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านการตลาดรวมทั้งวางแผนทำแบบสอบถาม Survey Analysis เป็นวิชาที่เกื้อหนุนกันกับ Marketing Research เมื่อได้ข้อมูลแล้วจะต้องเรียนรู้วิชาทางสถิติอย่างละเอียด เพื่อที่จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดโดย SPSS Program ซึ่งจะสำคัญมากในการทำ Dissertation และสุดท้าย Marketing Finance ซึ่งพี่เจนจำเป็นต้องเรียนรู้หลักการทำบัญชีเบื้องต้น เพื่อที่จะสามารถวิเคราะห์ระบบการเงินของแต่ละบริษัทเพื่อศึกษาความคุ้มทุนในแต่ละโครงการ
สถานที่ที่พี่เจนเรียนนั้นอยู่ในย่านที่เป็นธรรมชาติมากๆ ตั้งอยู่บนเขา โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ อากาศดี แต่มีเพียงรถเมล์ 2 สายเท่านั้นที่ผ่านหน้ามหาวิทยาลัย ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้พี่เจนได้รู้จักเพื่อนๆมากมายหลากหลายเชื้อชาติ เนื่องจากนโยบายการรับนักศึกษาของโปรแกรมนี้เขาบังคับให้รับนักศึกษาทุกเชื้อชาติ แต่ได้เชื้อชาติละไม่เกิน 5 คน นอกเหนือจากเพื่อนคนไทยแล้วพี่เจนยังมีเพื่อนมาจาก อังกฤษ อินเดีย ปากีสถาน จีน เกาหลี และหลายประเทศในแถบยุโรป อาทิ กรีซ สาธารณรัฐเชค และอิตาลี เป็นต้น ชีวิตที่นั่นสำหรับพี่เจนแล้วถือว่าค่อนข้างลำบากเนื่องจากที่พักอยู่ไกลมหาวิทยาลัย ชีวิตในลอนดอนสำหรับพี่เจนนั้นก็ไม่ได้สวยหรู ทุกเช้าต้องนั่งรถเมล์ 3 ต่อเพื่อไปมหาวิทยาลัย แต่ละครั้งที่รอรถเมล์ รู้สึกเหมือนจะขาดใจโดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว อากาศหนาวมากหมอกลงจัด และวิชาแรกที่เริ่มสอนคือตอน 8 โมงเช้า ปกติแล้วอากาศที่อังกฤษจะหนาว เป็นส่วนใหญ่ตลอดปี ยกเว้นช่วงหน้าร้อนซึ่งถือว่าร้อนจริงๆ แนะนำเมืองมาตั้งยาว

พี่เจนกับประสบการณ์ศึกษาต่อปริญญาโท

พี่เจนกับประสบการณ์ศึกษาต่อปริญญาโท

ตอนนี้มาถึงประสบการณ์กันบ้าง พี่เจนจะเรียกว่าโชคร้ายก็ได้ พี่เจนต้องย้ายบ้านมาแล้วถึง 6 ครั้ง ครั้งที่1 ย้ายบ้านจากบ้านของเพื่อนคุณน้ามาอยู่บ้านที่ใกล้มหาวิทยาลัย พี่เจนถูกเจ้าของบ้านเช่า (Landlord) รวมทั้ง Agent บังคับให้จ่ายเงินค่าเช่าบ้านล่วงหน้า 6 เดือน รวมทั้งเงินมัดจำอีก 2 เดือน รวมทั้งสิ้น 8 เดือน เป็นจำนวนเงินมหาศาล แต่ว่าบ้านเช่าที่ไปอยู่นั้นมีปัญหามาก ทั้งหลังคาในห้องน้ำรั่วทุกครั้งเวลาฝนตก เจ้าของบ้านอายุ 60 ก็พยายามมาติดต่อพี่เจน มาพบถึงที่ห้องพักและขู่แกมบังคับให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน ตอนนั้นรู้สึกกลัวมาก พี่เจนจึงปรึกษาเพื่อนที่เรียนด้วยกัน พวกเขาแนะนำให้ไปคุยกับอาจารย์ สหภาพนักศึกษาและปรึกษา Student Accommodation Services Center ซึ่งก็ผ่านไปด้วยดี เขาอาสาไปคุยกับ Agent และ Landlord ให้ ทำให้เขายินดีคืนเงินบางส่วน ถึงแม้จะไม่ทั้งหมดแต่พี่เจนก็ดีใจมากเพราะเงินปอนด์เมื่อเทียบกับเงินไทยในขณะนั้น 1 ปอนด์ ประมาณ 73 บาท ครั้งที่2 ที่ย้ายไปที่อยู่ใหม่คราวนี้จ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 6 เดือน และเงินมัดจำ 1 เดือน ไม่น่าเชื่อว่าเกิดปัญหาเดิมอีก แต่คราวนี้แย่กว่าเดิม ทั้งๆที่บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ถูกปรับปรุงใหม่ โดยเจ้าของบ้านแบ่งห้องให้เช่า คราวนี้นอกจากจะมีปัญหาน้ำซึมแล้ว เครื่องซักผ้ายังเป็นต้นเหตุให้น้ำท่วมห้องอีก มากกว่านั้นไฟฟ้าก็ถูกตัด เนื่องจากเจ้าของบ้านจัดสรรไฟเองแบบไม่ถูกกฎหมาย ทางการฯจึงมาทำการตัดไฟ แย่ซ้ำกว่านั้นเมื่อห้องพักนี้ไม่ใช้แก๊ส เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างรวมทั้งน้ำอุ่น และเครื่องฮีตเตอร์ก็ใช้ไฟฟ้า ขณะนั้นที่ลอนดอนหนาวมากจำได้ว่าเป็นช่วงหน้าหนาว พี่เจนนอนร้องไห้ทุกวัน ต้องนำรายงานไปทำที่ห้องสมุดถึงตี 2 ทุกคืน เพราะเป็นที่เดียวที่จะทำรายงานที่อาจารย์สั่งได้ ถ้านอนห้องสมุดได้ก็คงทำ แต่ว่าห้องสมุดปิดตี 2 ช่วงนั้นพี่เจนต้องอดทนมาก เพราะนอกจากจะเรียนหนังสือหนักแล้วยังติดช่วงใกล้สอบอีก บ้านก็ไม่มี ไม่รู้ว่าจะไปอาศัยอยู่กับใคร เพื่อนๆก็ไม่สะดวกจะให้ไปอยู่ด้วยเนื่องจากติดช่วงสอบ พี่เจนจึงตัดสินใจว่าในช่วงแรกจะไปรบกวนเพื่อนอาศัยด้วย 2 คืน ส่วนคืนที่เหลือก็อยู่โรงแรม ประมาณเกือบสองอาทิตย์พอสอบเสร็จแล้วจึงตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินบินกลับกรุงเทพฯทันที แล้วเมื่อถึงเวลาทำ Dissertation ค่อยเดินทางกลับมาลอนดอน ตอนนั้นจากนักเรียนอังกฤษกลายเป็นนักเรียน Homeless รู้สึกว่าชีวิตในขณะนั้นหดหู่มาก
แต่ความโชคดีในความโชคร้ายก็ยังคงมีอยู่ พี่เจนได้รู้ซึ้งถึงน้ำใจของคนอังกฤษแท้ๆ แม้ไม่ได้เกิดมาเป็นคนเชื้อชาติเดียวกัน ภาษาเดียวกันแต่ความมีน้ำใจนั้นเต็มเปี่ยม คนที่ทำงานดูแลนักเรียนที่ Student Accommodation Services Center คอยให้ความช่วยเหลือพี่เจนในทุกเรื่อง อาสาขนของทั้งหมดของพี่เจนไปฝากไว้ที่บ้านของเขาในช่วงเวลาที่พี่เจนไม่อยู่รวมทั้งให้คำปรึกษาในเรื่องบ้านและเรื่องคดีความ เนื่องจากพี่เจนคิดว่าคราวนี้พี่เจนจะฟ้องร้องเพื่อปกป้องสิทธิของตนเพื่อขอเงินค่าเช่าบ้านในส่วนที่เหลือคืน พี่เจนทำทุกทางติดต่อคนหลายฝ่ายรวมทั้งเก็บหลักฐานทุกอย่าง จนสุดท้ายทางฝ่ายเจ้าของบ้านยอมความและคืนเงินในส่วนที่เหลือให้  เมื่อกลับมาพี่เจนก็ย้ายไปอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง แต่อยู่ได้ไม่นานเนื่องจากย่านที่เขาอยู่นั้นเป็นย่านคนดำ น่ากลัวมากติดอันดับย่านอาชญากรน่ากลัวที่สุดย่านหนึ่งของเมือง จนสุดท้ายได้ย้ายมาอยู่ที่พักที่ทาง Student Accommodation Services Center แนะนำให้เพราะมีห้องว่างพอดี

พี่เจนกับประสบการณ์ศึกษาต่อปริญญาโท

พี่เจนกับประสบการณ์ศึกษาต่อปริญญาโท

ชีวิตนักเรียนไทยในต่างแดนนั้น ไม่ได้หอมหวนเหมือนอย่างที่เพื่อนๆทุกคนวาดฝันไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะได้เจอคนดีหรือว่าไม่ดี ได้เจอโชคดีหรือว่าโชคร้าย แต่พี่เจนเชื่อแน่ว่าทุกประสบการณ์ที่ได้รับในต่างแดนนั้น สอนอะไรกับเรามากมายหลายอย่าง สอนวิธีการดำเนินชีวิตด้วยตนเอง ต่อสู้ด้วยตนเองกับทั้งความเหงาและภาษา สำเนียงที่ไม่คุ้นเคย การเรียนรู้ที่จะอดทน ได้มีโอกาสไปเห็นวิวัฒนาการที่ทันสมัยและความศิวิไลซ์ในเมืองใหญ่ บ้านเมืองที่สวยงามเป็นระเบียบ ความเก่าแก่ ความขลังและประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศผู้ซึ่งครั้งหนึ่งได้รับการขนานนามว่า ประเทศซึ่งพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เนื่องจากมีดินแดนอาณานิคมเป็นจำนวนมาก ได้เห็นความสวยงามของเมืองตลอดจนพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงต่างๆในอังกฤษซึ่งมีอายุกว่ายาวนานกว่า 1,000 ปี ประสบการณ์ที่พี่เจนได้รับจากการศึกษาต่อ ณ. ประเทศอังกฤษในครั้งนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและประทับใจซึ่งประกอบด้วยกันทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป เป็นประสบการณ์ที่ทำให้พี่เจนเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น และเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมากครั้งหนึ่งที่พี่เจนจะไม่มีวันลืมเลย สุดท้ายนี้ได้เห็นน้ำใจที่แท้จริงที่มาจากความจริงใจโดยไม่หวังผลตอบแทนอื่นใดแท้ๆของคนอังกฤษ ความโอบอ้อมอารีที่มักพบเห็นเสมอตามถนนหนทางและสัมผัสได้เมื่อไปเยือนไม่ว่าคุณจะหลงทางหรือ
มีปัญหาคนที่นี่ก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ และยื่นมีเข้ามาช่วย พี่เจนเชื่อแน่ว่าคุณจะเห็นเหมือนอย่างที่พี่เจนเห็น เพราะว่าพี่เจนได้ไปสัมผัสมาแล้ว

                จารินี กันตนฤมิตรกุล 
Assistant Product Manager
Credit Card Division 
Bangkok Bank

คลิกที่นี่เพื่ออ่านเรื่องอื่นๆ

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

ประสบการณ์ในอังกฤษของพี่กี นักเรียนทุนกระทรวงการต่างประเทศ เกียรตินิยมอันดับ 1 มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

วันนี้มีเรื่องราวดีๆจากพี่กี วัชระ นักเรียนทุนกระทรวงการต่างประเทศ ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาปริญญาโทด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัย LSE (London School of Economics) และ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เกียรตินิยมอันดับ 1!!! มาหมาดๆ พี่เค้ายังตรวจพวกบทความและแปลงานให้แก่น้องๆชาวนุ้ยอิงลิชด้วยจ้า คุณภาพคับแก้วจริงๆ ลองไปติดตามเรื่องราวกันดู

สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ นักเรียนชาวไทยในอังกฤษ  ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ทางโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ “นุ้ยอิงลิช” ทาบทามผมให้เขียนเล่าถึงประสบการณ์ต่างๆตลอด 9 ปีที่ผ่านมากับการเป็นนักเรียนในประเทศอังกฤษ  เมื่อมองย้อนไปในปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่ผมเดินทางมาอังกฤษเป็นครั้งแรก เวลา 9 ปีผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ จากอาการ homesick ในช่วงแรกกลายเป็น sick of home ในบางครั้ง ประเทศอังกฤษกลายเป็นที่ที่ผมคุ้นเคย และผูกพันเสมือนบ้านหลังที่สองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประสบการณ์ชีวิต  ผมคงไม่สามารถครอบคลุมในทุกเรื่อง จึงขอพูดถึงสองเรื่องหลักที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ได้แก่ ประสบการณ์การเรียน การใช้ชีวิตในอังกฤษ

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

พี่กี นักเรียนทุนกระทรวงการต่างประเทศ

ผมใช้เวลา 4 ปีที่ Shrewsbury School อีก 4 ปีที่ LSE จากโรงเรียนเมืองชนบทเล็กๆสู่มหาวิทยาลัยในเมืองระดับโลกอย่างลอนดอน และปิดท้ายที่ Cambridge อีกหนึ่งปี ซึ่งมีทั้งความขลังและความก้าวหน้าอยู่ในตัว แน่นอนว่าการปรับตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งภาษาและสิ่งแวดล้อมที่เราไม่คุ้นเคย จำได้ว่าท้อและเหนื่อยมากในช่วงแรกที่ฟังเพื่อนฝรั่งพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง และใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมมองว่ามหาวิทยาลัยในอังกฤษให้อิสระกับเราค่อนข้างมาก โดยเป็นระบบที่เน้นการสอบใหญ่ปลายปีปีละครั้งและไม่ค่อยมีการสอบเก็บคะแนนย่อย ซึ่งคงถูกใจใครหลายๆคนที่ไม่ชอบเครียดที่จะต้องสอบแทบทุกเดือน  แต่ที่แน่ๆเราต้องวางแผนและจัดเวลาให้ดีไม่อย่างนั้น อาจต้องอดหลับอดนอนลุยเตรียมสอบเหมือนผมในบางปี สำหรับคนที่เรียนปริญญาโท นอกจากการสอบแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ dissertation บางคนแค่คิดถึงมันก็ถอดใจซะแล้วถึงกับไปจ้างให้คนอื่นทำแทน อันนี้ต้องระวังให้มากเพราะที่อังกฤษจริงจังกับเรื่อง plagiarism ถูกจับได้เดี๋ยวจะเรียนไม่จบเอา เสียทั้งอารมณ์ เวลา และเงินทอง

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

พี่กี นักเรียนทุนกระทรวงการต่างประเทศ

มาถึงเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาทั้งทีเชื่อว่าทุกคนอยากจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่า จะคุ้มค่าอย่างไงนั้นคงขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละคน ทำอะไรก็ได้ขอให้สนุกและมีความสุขกับมัน ประเทศอังกฤษมีอะไรๆให้เราเลือกทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กีฬา สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งรวมวัฒนธรรม ดนตรี ศิลปะ และอื่นๆ อยากให้ทุกคนเลือกสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ มีประโยชน์ และจะทำให้การใช้ชีวิตที่อังกฤษเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ ของผมนั้นหลักๆคงหนีไม่พ้นเรื่องกินเรื่องเที่ยว  Borough Market เป็นสถานที่โปรดแห่งหนึ่งของผม พลาดไม่ได้กับหอยเชลล์นาบกระทะเสิร์ฟพร้อมกับเบคอนผัด ราด Tabasco sauce อร่อยเหาะ ถึงสุดสัปดาห์ได้เวลาสังสรรค์กับเพื่อนๆ โดยปกติเราจะนัดกันที่บ้านในหมู่เพื่อนฝูง บ้างก็ตามสถานที่ยอดฮิตในหมู่นักเรียนไทยในลอนดอนอย่าง Addie และ Thai Taste  เพราะว่าอยู่ลอนดอนหลายปีเลยมีโอกาส count down ปีใหม่ที่ London Eye อยู่หลายครั้งจนแทบจะกลายเป็นกิจกรรมประจำปี ผู้คนเนืองแน่นมากแต่ก็ได้ทั้งบรรยากาศและความทรงจำดีๆติดตัวกลับไป  อีกประสบการณ์ที่อยู่ในความทรงจำคือการไปดูการแข่งขันเทนนิสระดับโลกอย่าง Wimbledon ที่ต้องลงทั้งทุนทั้งแรง เมื่อซักสามสี่ปีที่แล้วได้นัดกับเพื่อนๆไปเข้าคิวเพื่อรอซื้อตั๋วเข้าดูเทนนิส พวกเรากะเข้า Centre Court เลยไปกันตั้งแต่เที่ยงคืนตีหนึ่ง ปรากฏว่าคนอื่นที่คิวรอมีทั้งเต็นท์ทั้งเสบียง พวกเรามีแต่หนังสือพิมพ์รองพื้นนั่งหนาวและคอยหลบฝนรอกันจนถึงแปดโมงเช้า ได้เข้า Centre Court สมใจ แต่เหนื่อยเหลือเกินจนปีต่อๆตัดใจไม่ได้ไปเข้าคิวอีก  โชคดีเมื่อปีที่แล้วได้ส้มหล่น เป็นตั๋วรอบชิงระหว่าง Federer กับ Nadal เล่นกันสนุกมากต้องลุ้นกันถึงห้าเซทแถมไม่ต้องเหนื่อยเข้าคิวอีกตะหาก

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

พี่กี นักเรียนทุนกระทรวงการต่างประเทศ

เก้าปีที่ผ่านมามีอะไรๆเกิดขึ้นในอังกฤษมากมาย จากนายกฯ Tony Blair กลายเป็น Gordon Brown พระราชินี Elizabeth II ฉลองการครองราชย์ครบ 50 ปี เหตุการณ์ก่อการร้ายในลอนดอน จนถึงราคาตั๋ว Underground ที่ขึ้นเอาๆ  ชีวิตเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีหลายอย่างที่ยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินของสายการบินไทยและแอร์โฮสเตส ถึงแม้จะเก่าแต่ก็บริการรู้ใจคนไทยเป็นดีที่สุด  ป้าจูเลียแห่งสำนักงานก.พ.ยังคงอยู่ดูแลนักเรียนไทยในอังกฤษ นักเรียนไทยกับประเทศอังกฤษก็เป็นสิ่งที่จะอยู่คู่กันไปอีกนาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะสมหวังได้สิ่งที่ปรารถนาและประสบการณ์การอันมีค่าจากโรงเรียนแห่งชีวิตที่ชื่อว่าประเทศอังกฤษแห่งนี้

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

พี่กี นักเรียนทุนกระทรวงการต่างประเทศ

วัชระ ปวุฒิยาพงศ์ 
เจ้าหน้าที่การทูต 4 
กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ

คลิกที่นี่เพื่ออ่านเรื่องอื่นๆ

เรียนภาษาอังกฤษ ที่ Nui-English

คิดเป็น เขียนเป็น 
คอร์ส Conversation and Writing for Kids นักเรียนประถมปลายและ ม.ต้น 

(คลิกที่นี่สำหรับหลักสูตรการเขียนและสนทนาสำหรับผู้ใหญ่)่

เน้นภาษาอังกฤษเชิงทักษะ (English Sklills) ผ่านการฝึกปฏิบัติจริง มากกว่าการทำข้อสอบปรนัย

วันและเวลา
รอบ วันอาทิตย์ 13.00-14.00 น. เน้นการเขียน
นักเรียนได้เขียนจริงหรือนำงานที่โรงเรียนมาปรึกษา โดยมีครูเป็นที่ปรึกษา อธิบายข้อผิดพลาดโดยเชื่อมโยงกับหลักไวยากรณ์เพื่อให้นักเรียนประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ของตน

รอบ วันอาทิตย์ 14.00-15.00 น. เน้นการออกเสียงและสนทนา 

อัตราค่าเรียน
3,000 บาท/ 10 ครั้ง/ 1 รอบที่เรียน
ติดต่อสมัครเรียนที่เคานเตอร์หรือโทร 089-883-4523
 เพื่อวัดระดับก่อนเข้าเรียน

อ่านรายละเอียดวิธีการสอน writing สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ที่นี่

เรียนเขียนภาษาอังกฤษ writing

คลิกที่นี่เพื่ออ่านเรื่องอื่นๆ

พี่นุ้ยสอนการออกเสียง ch และ sh